แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เฉือนเอาชนะบริสตอล ซิตี้ ที่ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ ด้วยชัยชนะ 3-0 ที่แอชตัน เกท ฟิล โฟเด้นทำประตูได้สองครั้งและเควิน เดอ บรอยน์เสริมความเงางามในช่วงท้ายเมื่อผู้ชนะเอฟเอ คัพ 6 สมัยจบการแข่งขัน 12 เกมที่ไม่แพ้ใครของบริสตอล ซิตี้ต่อหน้าฝูงชนในเวสต์คันทรี่
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เฉือนเอาชนะบริสตอล ซิตี้ ไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ
สกอร์ไลน์นั้นรุนแรงสำหรับเจ้าภาพ ซึ่งตามหลังโฟเด้นที่ยิงในนาทีที่ 7 และยังคงอยู่ในการแข่งขันจนถึงควอเตอร์สุดท้าย แต่การโจมตีของ Foden เบี่ยงเบนไปจากเวลา 16 นาทีและการจบสกอร์ที่ดีของ De Bruyne ทำให้ผู้มาเยือนอยู่ในตำแหน่งแปดคนสุดท้าย
De Bruyne กลับมาหลังจากหายไปสองเกมจากอาการป่วยและเป็นกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้โดยแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงห้าครั้งจากชัยชนะในพรีเมียร์ลีกวันเสาร์ที่บอร์นมั ธ คัลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางทีมชาติอังกฤษ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งที่สองนับตั้งแต่ย้ายออกจากลีดส์เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว
โดยเอแดร์สัน, เออร์ลิง ฮาแลนด์, อิลคาย กุนโดกัน, แจ็ค กรีลิช และโรดรี ลงเป็นตัวสำรองเมื่อคืนนี้ ฟิลลิปส์มีความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนที่จะสร้างความประทับใจหลังจากปัญหาอาการบาดเจ็บ และเวลาผ่านไปเพียง 63 วินาทีเมื่อเขาชนคานจากระยะ 25 หลา ในการเปิดอย่างบ้าคลั่งของ Manuel Akanji
ทำให้ Sam Bell มีโอกาสยิงซึ่งจบลงด้วยการเบี่ยงออกกว้างและผู้มาเยือนในไม่ช้าหลังจากนั้น Riyad Mahrez ทำงานหนึ่งต่อสองอย่างชาญฉลาดกับ De Bruyne และลูกเปิดของ Algerian ไปยังเสาไกลถูก Foden พุ่งสูงเข้าไปในตาข่ายซึ่งทำประตูในเกมที่สองติดต่อกัน
การตอบสนองของบริสตอลซิตี้คือการตะโกนจุดโทษที่ดังหลังจากที่ Mark Sykes เข้าไปพัวพันกับ Rico Lewis ดูเหมือนเป็นการอุทธรณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่อังเดร มาร์ริเนอร์ผู้ตัดสินไม่เคลื่อนไหว และเนื่องจากไม่มี VAR ใช้งาน แฟน ๆ เจ้าบ้านจึงผิดหวัง Julian Alvarez เตะผิดหน้าประตูบ้านจากการครอสของ Foden
แต่ Bristol City พ้นโทษออกมาได้ดีและมีความสุขพอสมควรทางปีกซ้าย อเล็กซ์ สก็อตต์ยิงตรงไปที่สเตฟาน ออร์เตก้า และเบลล์ยิงข้ามหลังโทมัส คาลาสจับเดอ บรอยน์ครอบครองบอล การคุกคามของแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็เห็นได้ชัดเช่นกันเมื่อมาห์เรซเห็นการวอลเลย์ของเขาออกจากเส้นโดยคาลาส และรูเบน ดิอาสทดสอบแม็กซ์ โอเลียรีด้วยลูกโหม่ง
มาห์เรซปรากฏตัวครั้งที่ 400 ของเขาในฟุตบอลอังกฤษ และไนเจล เพียร์สัน ผู้จัดการทีมโรบินส์ ซึ่งเซ็นสัญญาเขากับเลสเตอร์ในปี 2014 จากสโมสรเลอ อาฟวร์ในฝรั่งเศส อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับนายใหญ่ชาวแอลจีเรียเมื่อเขาลงไปที่สนามหลังจากคาเมรอน พริง ท้าทายทัชไลน์
